เสริมเกราะ “แบรนด์” สกัดแอบอ้างชื่อในยุคดิจิทัล

30 เมษายน 2568
อ่าน 4 นาที



ลองจินตนาการดูว่า ถ้าคุณผู้อ่านเป็นเจ้าของธุรกิจที่บ่มเพาะแบรนด์ของตัวเองมานาน ทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ
และเม็ดเงินเพื่อสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักในตลาด แต่แล้ววันหนึ่งกลับพบว่า ชื่อแบรนด์หรือโลโก้ของคุณถูก
แอบอ้าง นำไปใช้โดยมิจฉาชีพในการหลอกลวงผู้คน คุณจะทำอย่างไร?

“ชื่อแบรนด์และโลโก้” ไม่ใช่เพียงแค่สัญลักษณ์ที่บอกตัวตนของธุรกิจเท่านั้น แต่เปรียบเสมือนด่านหน้าที่ทำ
หน้าที่ปกป้องภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และความไว้วางใจที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน แต่ในโลกยุคดิจิทัลวันนี้
ภาพนั้นกลับเปลี่ยนไป เนื่องจาก “แบรนด์” สามารถถูกมิจฉาชีพแอบอ้างได้เพียงแค่ไม่กี่คลิก สร้างความ
สับสนให้กับผู้ลงทุนและประชาชนจำนวนมาก

ศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เน้นย้ำอยู่เสมอว่า ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่
ที่ต้องรีบแก้ไข เพราะความสูญเสียไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในแง่ตัวเงิน แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม
ในวงกว้าง โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของภาคธุรกิจที่อาจเสียหายจากการเข้าใจผิดหรือภาพจำที่เกิดจาก
การถูกหลอกลงทุน โดยอ้างหน่วยงาน ธุรกิจ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนไทย ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนและประชาชน
รู้สึกหวาดระแวง ไม่กล้าเกี่ยวข้องหรือลงทุน และในที่สุดผลเสียก็จะย้อนกลับมาสู่ตลาดทุนไทย

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หนึ่งในผู้ที่ใกล้ชิดกับภาคธุรกิจและผู้ลงทุน
ได้สะท้อนมาเช่นกันว่า ปัญหานี้ไม่ได้จบลงแค่ความเสียหายเฉพาะราย แต่จะค่อย ๆ บั่นทอนความมั่นคงของ
ตลาดทุน กระทบทั้งผู้ลงทุน บริษัท สถาบัน และระบบตลาดทุนโดยรวม

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ ดร.กอบศักดิ์พูดถึง และดิฉันอยากจะนำมาแบ่งปัน คือ “การแอบอ้างแบรนด์กับ
ภาระต้นทุนธุรกิจ” จากการระดมทุนว่า ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการแอบอ้างและหลอกลวง หากธุรกิจ
ใดต้องการระดมทุนจากประชาชน สิ่งแรกที่ต้องเผชิญคือ “ต้นทุนความน่าเชื่อถือ” ที่เพิ่มขึ้น เพราะผู้ลงทุนจะ
ลังเล มีการตั้งคำถามมากขึ้น และต้องการหลักฐานหรือความชัดเจนที่มากกว่าที่เคย การสร้างความไว้วางใจ
ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และทุก ๆ ขั้นตอนในการดำเนินธุรกิจจะต้องใช้เวลาและทรัพยากรที่เพิ่มขึ้น

นอกจากการสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว ดร.กอบศักดิ์ ยังได้ให้มุมมองเกี่ยวกับทางออกด้วย อย่างในฝั่งของ
ผู้ลงทุนหรือประชาชน ควรได้รับการให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการย้ำเตือนว่า “ผลตอบแทนการ
ลงทุนที่ดีเกินจริง ไม่มีในโลกนี้” หากมีใครมาชักชวนแบบนี้ ขอให้สงสัยไว้ก่อนว่า “ไม่จริง” ขณะเดียวกัน
ในฝั่งธุรกิจที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพในการแอบอ้างหรือสวมรอยแบรนด์ “เทคโนโลยี” สามารถช่วยได้

“การใช้เทคโนโลยีอย่างรู้เท่าทัน” เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญในการเสริมแกร่งให้ธุรกิจไทยรับมือกับภัย
ออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน และหากได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม การแก้ปัญหาก็จะมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น ล่าสุด ก.ล.ต. ได้ร่วมมือกับ Facebook ประเทศไทย และ Meta Platforms, Inc.
ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องมืออย่าง “Brand
Rights Protection” และ “Meta Verified”

เครื่องมือแต่ละอย่างทำหน้าที่อะไรบ้าง? “Brand Rights Protection” จะช่วยตรวจจับและรายงานเนื้อหา
ที่อาจละเมิดโลโก้หรือเครื่องหมายการค้าของธุรกิจบนแพลตฟอร์มของ Meta ให้เจ้าของลิขสิทธิ์ทราบ หากพบ
การแอบอ้าง เจ้าของแบรนด์สามารถแจ้งลบเนื้อหานั้นได้ทันที ส่วน “Meta Verified” เป็นเครื่องหมาย
แสดงตัวตนว่าเป็นบัญชีหรือเพจจริง ช่วยลดโอกาสถูกปลอมแปลงและป้องกันการสวมรอยชื่อแบรนด์

แม้มีเครื่องมือและเทคโนโลยีช่วยเหลือ แต่การปกป้องแบรนด์ในโลกออนไลน์ “ไม่ใช่ภาระหน้าที่ที่สามารถ
ฝากไว้กับใครคนใดคนหนึ่งได้” ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ หน่วยงานกำกับดูแล
และผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ลดโอกาสที่มิจฉาชีพจะใช้ชื่อหรือโลโก้ของ
บริษัทไปหลอกลวงผู้ลงทุนหรือประชาชน และปกป้องสิทธิของผู้ประกอบธุรกิจและผู้ลงทุนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
การสวมรอย

ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน ไม่ได้จำกัดบทบาทไว้เพียงการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาและ
กำกับดูแลตลาดทุนไทย แต่ยังเดินหน้ายกระดับบทบาทด้านการประสานความร่วมมือกับภาคธุรกิจและ
ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเสริมเกราะป้องกันและสร้างระบบการดูแลที่มีประสิทธิภาพ
เมื่อทุกฝ่ายร่วมมือกันปกป้องแบรนด์ไทยให้พ้นจากการแอบอ้าง ความเชื่อมั่นก็จะไม่สั่นคลอน
และจะกลายเป็นรากฐานที่มั่นคงให้ตลาดทุนไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

                                             *******************************

จากบทความ "เสริมเกราะ “แบรนด์” สกัดแอบอ้างชื่อในยุคดิจิทัล​" โดยนางสาวอาชีนี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  ในคอลัมน์ "ชวนคิดชวนคุยกับ ก.ล.ต." เว็บไซต์ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์